Page 104 - 1_61
P. 104
• ยาก่อนอาหาร คือยาที่ควรรับประทานในช่วงที่ การท�าให้หลับ นอกจากการทานยาให้ถูกเวลาดังที่ได้กล่าวมา
ท้องว่าง คือก่อนรับประทานอาหารประมาณครึ่งถึงหนึ่ง แล้ว การทานยาให้ครบตามระยะเวลาที่แพทย์ก�าหนด ก็เป็น
ชั่วโมง เนื่องจากอาหารอาจมีผลรบกวนการดูดซึมของยา, อีกเรื่องที่มีความส�าคัญมาก โดยเฉพาะในการใช้ยาปฏิชีวนะ
ยาอาจถูกท�าลายโดยน�้าย่อยหรือกรดในกระเพาะอาหาร หรือยาฆ่าเชื้อ ซึ่งต้องมีก�าหนดระยะเวลาที่ต้องทานยาให้ครบ
หรือต้องการให้ยาออกฤทธิ์ได้ทันต่อการรับประทานอาหาร แม้ว่าเมื่อทานยาไปบางส่วนแล้วจะมีอาการดีขึ้นก็ตาม เพราะ
เช่น ยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน หรือยาลดน�้าตาลในเลือดบาง ว่าอาการที่ดีขึ้นนั้นอาจไม่ได้หมายความว่าเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค
ชนิด เป็นต้น นั้นได้ถูกก�าจัดออกจากร่างกายจนหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อเรา
• ยาหลังอาหาร ถ้าไม่ได้ระบุว่าทานหลังอาหารทันที หยุดยาก่อนก�าหนด เชื้อโรคที่ยังเหลืออยู่อาจฟักตัวและก่อ
ส่วนใหญ่แล้วจะแนะน�าให้ทานหลังอาหาร ๑๕ – ๓๐ นาที ให้เกิดโรคขึ้นได้อีก โดยที่การใช้ยาเดิมอาจไม่สามารถรักษา
แต่ถ้าระบุว่าให้ทานหลังอาหารทันที หรือทานพร้อมอาหาร โรคได้ เนื่องจากเชื้อโรคดื้อยาที่ใช้เดิมนั้นแล้ว
ก็คือให้ทานทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จ หรือทานพร้อม ๕. ใช้ยาให้ถูกคน ยาแต่ละชนิดจะมีข้อก�าหนดว่า
กับรับประทานอาหารได้เลย เนื่องจากยาอาจมีผลระคาย จะสามารถใช้ได้หรือไม่ได้กับบุคคลประเภทใด เช่น เป็นยา
เคืองต่อระบบทางเดินอาหาร, อาหาร หรือกรดในกระเพาะ ส�าหรับผู้ใหญ่หรือส�าหรับเด็ก, เป็นยาที่ห้ามใช้กับสตรี
อาหารมีผลเพิ่มการดูดซึมของยา มีครรภ์หรือให้นมบุตร หรือแม้กระทั่งห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยา
• ยาก่อนนอน ในกรณีที่เป็นยาที่ทานเพื่อให้นอนหลับ ดังกล่าว หรือยาที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ดังนั้นการเลือกใช้ยา
ควรรับประทานก่อนนอนประมาณ ๑๕ – ๓๐ นาที เนื่องจาก จึงต้องค�านึงถึงปัจจัยในข้อนี้ด้วย เพื่อให้การใช้ยาเป็นไปอย่าง
ยามักใช้เวลาประมาณ ๑๕ – ๓๐ นาที ก่อนที่จะออกฤทธิ์ใน มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย
่
่
่
ความเชือหรือพฤติกรรมทีไม่ถูกต้องเกียวกับการใชยา
้
๑. ยาฉีดดีกว่ายากิน มีความเหมาะสมกับโรคหรืออาการของเรา เพราะอาการที่
โดยหลักการแล้ว แพทย์จะเลือกใช้ยากินเป็นอันดับแรก คล้ายคลึงกัน อาจไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียวกัน หรือเป็นโรค
ในการรักษา และจะพิจารณาใช้ยาฉีดเฉพาะในบางกรณี เดียวกันเสมอไป รวมทั้งข้อจ�ากัดในการเลือกใช้ยาในแต่ละ
เช่น ผู้ป่วยไม่สามารถทานยาได้ หรือต้องการผลให้ระดับยา บุคคลอาจมีความแตกต่างกันออกไป
สูงขึ้นทันที หลังจากนั้นก็จะพิจารณาให้ยากินต่อ ๔. เมื่ออาการหายก็ไม่ต้องรับประทานยาต่อ
ข้อควรรู้ : อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากยาที่ให้โดย ความเชื่อนี้มีทั้งจริงและไม่จริง ขึ้นกับชนิดของยาและ
การฉีดนั้น จะแก้ไขได้ยาก หรือรุนแรงมากกว่ายารับประทาน โรคที่เป็น ถ้าเป็นยาที่ใช้รักษาหรือบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้
๒. ยาที่มีลักษณะเหมือนกันเป็นยาเดียวกัน ปวดศีรษะ หรือยาลดไข้ ก็สามารถหยุดยาได้เมื่อไม่มีอาการ
ความเชื่อนี้ไม่จริงเสมอไป มีมากมายที่ยาสีเหมือน แต่ถ้าเป็นยาฆ่าเชื้อ หรือยาปฏิชีวนะ จ�าเป็นต้องทานยาต่อ
กัน เม็ดเท่ากัน หรืออยู่ในแคปซูลลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ใช่ จนหมด เพื่อป้องกันการดื้อยาดังที่ได้กล่าวมาแล้วในเรื่อง
ยาชนิดเดียวกัน ซึ่งความเชื่อดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความ หลักการใช้ยา นอกจากนี้ ในกรณีที่เป็นยารักษาโรคเรื้อรัง เช่น
ผิดพลาดในการใช้ยาได้ เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือด ถึงแม้จะควบคุมระดับน�้าตาล
๓. เมื่อเจ็บป่วยสามารถใช้ยาของผู้อื่นที่ใช้รักษา ไขมัน หรือความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับปกติได้แล้ว ก็จ�าเป็น
อาการแบบเดียวกันได้ ต้องรับประทานยาต่อไปตามที่แพทย์สั่ง ห้ามปรับขนาดหรือ
ความเชื่อนี้อาจใช้ได้เฉพาะยาที่แก้อาการพื้นๆ เท่านั้น หยุดยาเอง และที่ส�าคัญต้องมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตาม
เช่น ยาแก้ปวดประจ�าเดือน หรือยาแก้แพ้แก้คัน เป็นต้น การรักษา ซึ่งอาจต้องมีการปรับหรือเปลี่ยนยาให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ก่อนใช้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเราไม่เคย ๕. ยาหลังอาหาร ถ้าไม่ได้ทานอาหารก็ทานยาไม่ได้
มีประวัติแพ้ยาหรือมีข้อห้ามในการใช้ยาชนิดนั้นๆ แต่ถ้าเป็น ความจริงแล้ว นอกเหนือจากยาที่มีความจ�าเป็น
ยาความดัน เบาหวาน ไขมัน ต้องให้แพทย์เป็นผู้เลือกยาที่ ต้องให้ทานก่อนอาหาร พร้อมอาหาร หรือหลังอาหารทันที
102 วารสาร
ทหารพัฒนา