Page 19 - วารสารทหารพัฒนา ปี64 ฉบับที่ 2
P. 19
ห้ลัักำกำ�รออกำแบบพืนที่่ด้้วยภูมืสำงคัมื ซึ่งคาว�า “ภููม่ส้งคม่” เปนคาทีในหลวงรชิกาลที� 9 ได็พระราชิทานไวว�า
ั
ิ
�
้
ำ
ึ
�
ำ
้
็
่
�
�
ิ
ั
ิ
�
็
ภููม่ ค่อ ภิ่มศาสต่ร เปนสภิาพทางกายู่ภิาพ (ด็น นา ลม ไฟ้) และส้งคม่ ค่อ วฒนธิรรมความเชิอ ภิ่มปญญาด็ังเด็ม
ิ
�
ิ
่
ิ
ั
ั
ำ
ิ
์
�
�
ำ
�
่
ั
่
ิ
ที�อยู่�ในพ่�นทีนั�น ทั�งสองสิ�งนี� ค่อ ปัจจยู่สาคัญในการออกแบบพ่�นทีด็้วยู่ภิ่มสังคม ออกแบบต่ามสังคมที�อยู่� ค่อ ปล่กเร่อน
ึ
ั
ั
�
่
ั
�
�
่
ั
่
ิ
ิ
็
่
�
็
้
ั
้
ต่ามใจผอยู่ ถึงแมวาภิมประเทศจะเหมอนกนกต่าม หากสงคมต่างกนการออกแบบกจะต่างกนโด็ยู่สนเชิง โด็ยู่วฒนธิรรม
�
ิ
ำ
�
�
�
ของการกนการอยู่ทีแต่กต่างกน พ่ชิ ผกทีกนแต่กต่างกน ความต่องการนาของพ่ชิยู่อมแต่กต่างกน
ั
�
�
่
�
ิ
�
�
ั
ั
้
ั
ิ
ิ
กำ�รออกำแบบห้ลัมืขนมืคัรกำ กค่อ โคก หนอง นา ในพ่�นที�ของเรา จะต่องคานงถึึงต่วแปรสาคญ ค่อ ด็น นาลม
ำ
ำ
ั
ำ
ั
�
ุ
ึ
้
็
ไฟ้ และคน
ำ
้
ุ
�
�
ั
ี
�
ั
ี
�
ิ
ี
�
“ด้น” ลกษณะความอมนาของด็นทต่างกน มผลต่อการออกแบบพ�นท เพราะจะต่้องมการวางแผนเพ่อ
่
ิ
�
ี
�
้
ุ
ั
ั
ั
�
ี
ิ
ำ
�
ั
้
์
ิ
�
ำ
ออกแบบหนองนา และสิงสาคญอกอยู่างหนึง การปรบปรงด็นโด็ยู่ใชิหลก การฟ้ื�นฟ้่รกษา ความสมบ่รณของหนาด็น
�
ิ
้
ด็วยู่การห�มด็นด็วยู่ฟ้าง ใบไมหร่อหญา แลวใชิปุยู่อนทรยู่ทีเหมาะสมกบคณลกษณะ ของด็น ชิ�วยู่แกปญหาด็นได็ ้
้
ั
�
้
์
้
ิ
ุ
ั
้
้
ิ
ี
ั
้
ิ
้
ุ
็
ี
�
�
�
“น�” มองให้เหนคณคาของนำาฝึนทต่กลงมา ด็วยู่การเก็บไวใหได็มากท�สด็ การขุด็รองนาโด็ยู่ด็ทางไหลของนำา
�
ี
�
ำ
้
้
ุ
�
้
ำ
�
่
ำ
�
ำ
็
ั
็
็
ั
้
้
�
เขาและออก ของพ่�นทีเปนส�วนสาคญ หากวางต่าแหน�งของหนองนาในทศทางทีลมรอนพด็ผ�าน กจะทาใหบานเยู่นขึน
ำ
้
ิ
�
้
ำ
�
�
ุ
ขด็หนองต่้องขด็ใหคด็เค�ยู่ว ใหมระด็บความสงในหนองนำาไมเทากน เพอใหปลาอาศัยู่และวางไขได็ รวมทงการทำาแซึ่นวชิปลา
�
้
�
้
้
ี
ิ
่
ี
ั
�
�
ุ
้
่
�
ั
ั
�
�
ำ
้
่
้
�
้
ั
�
้
้
้
ด็วยู่การนาหญา และฟ้างกองทบกนเปนปุ�ยู่หมกไวทีต่นนา เพอสรางแพงต่อล เพอเพิมอาหารใหกบสต่วนานันเอง
่
์
ำ
�
�
ั
ำ
ั
ั
�
็
ั
ั
�
ำ
�
่
�
้
ี
้
้
ั
�
�
ั
้
“ลัมื” จะพด็ทงนาและฝึนเขามาในพนท ต่องด็วาลมพด็เขามาทางไหน ต่ามปกต่แลวลมฝึนจะพด็มา
ิ
่
ั
ั
ั
ั
่
้
้
ี
�
ิ
ั
ั
�
ทางทศต่ะวนต่กเฉัยู่งใต่ สวนลมหนาวจะพด็มาทางทศต่ะวนออกเฉัยู่งเหนอ ด็งนน ควรจะวางทศทางของบาน และ
ิ
ิ
ี
ี
ี
้
ิ
ั
้
�
ั
ลานต่ากขาวมาใหบงทศทางของลมหนาว การออกแบบบานกควรจะใหมชิองลมสอด็รบกบลมทพด็มา ในแต่ละฤด็กาล
็
ั
�
่
�
้
ั
้
้
้
�
่
ำ
้
็
เพอทาใหบานเยู่น ลด็การใชิพลงงาน ลงได็ ้
ั
้
“ไฟ” คอ แสงจากด็วงอาทต่ยู่ ซึ่งใหความรอน โด็ยู่จะต่องสารวจทศทางขนและต่กของด็วงอาทต่ยู่ ์
์
ึ
้
ำ
ิ
ิ
�
้
่
ิ
�
ึ
ั
ั
ิ
�
โด็ยู่การสงเกต่หลายู่ ๆ ครัง ทกฤด็่เพราะในแต่ละฤด็่ ทศทางและชิ�วงเวลาทีไม�เหม่อนกน
�
�
ุ
ิ
ห้วใจสำำ�คััญของกำ�รออกำแบบ กค่อ “ความต่องการของ คน” คนคด็อยู่างไร อยู่อยู่างไร ออกแบบใหเหมาะสม
�
้
�
็
�
้
่
ั
�
�
�
กบการด็ารงชิวต่ของผ่อยู่ทีนัน จงจะเรยู่กว�า ด้ที่สำด้
ึ
่
ี
ำ
ั
้
ิ
่�
่
ุ
ี
ุ
24
�
�
้
็
่
ห้ลัมืขนมืคัรกำ แบงได้เป็น 2 ร่ป็แบบ โด็ยู่เม่อนำามาปฏิิบัต่ิ จะมีความแต่กต่�างต่ามพ่�นที�ลุม และพ่�นที�ส่ง
�
�
�
ุ
ึ
�
ั
�
็
ซึ่งในพ่นทีลุมใชิร่ปแบบ “โคก หนอง นา โมเด็ล” ส�วนในพ่นที�ส่ง ใชิเปนการ “เปลี�ยู่นเขาหวโลน เปนเขาหวจก”
้
็
้
ั
้
้
�
1. พนที�ลุ่่ม่: โคกหนองนา โมเด็ล ค่อ ร่ปธิรรมของหลม
่
ุ
ขนมครก ซึ่งเรยู่กใหง�ายู่ต่อการจด็จา
้
�
ำ
�
ึ
ี
ิ
ี
โคกิ การนาด็นทได็จากการขด็หนอง นามาถึม
ำ
ุ
ำ
�
้
่
�
้
�
ั
ั
ั
์
็
�
่
้
เปนโคกเพอสรางทีอยู่อาศยู่ ปล่กผก เลี�ยู่งสต่ว รวมทั�งปล่กต่นไม ้
ต่ามแนวทางศาสต่ร์พระราชิา คอ “ป่า 3 อยู่าง ประโยู่ชิน์ 4 อยู่าง”
่
�
�
้
�
่
่
ิ
้
ิ
�
้
้
ั
ได็แก� ไมเพอบรโภิค (พอกน) เพอใชิสอยู่ในครวเร่อน (พอใชิ) และ
ั
�
เพอสรางทีอยู่อาศยู่ (พออยู่) ปาทัง 3 อยู่าง ใหประโยู่ชินอยู่างที 4
่
์
�
�
�
�
้
่
�
่
�
�
่
้
ั
ุ
็
ค่อ ชิ�วยู่สรางสมด็ลระบบนเวศ (พอร�มเยู่น) ปล่กเปนปา 5 ระด็บ
ิ
็
้
่
ุ
ั
ค่อ ส่ง กลาง เต่ี�ยู่ เรียู่ด็น และพ่ชิหว ใบไมทีร�วงหล�นชิ�วยู่ปกคลม ทีม่า: https://swis.montfort.ac.th/html_edu/cgi-bin/
�
ิ
�
้
�
ิ
หนาด็นเพิ�มความชิุมชิ่น main_php/print_informed.php?id_count_inform=1705
้
�
�
ั
็
24 สวนหม�อนไม, สวนเกษต่รนวต่กรรมพงต่น, การกกเกบนาใน โคก หนอง นา โมเด็ล ต่วอยู่าง 10 ไร�, http://www.monmai.com/,
ึ
ั
�
ำ
�
ั
้
�
ั
้
่
�
(ส่บคนเมอวนที 9 มถึนายู่น 2564).
ิ
ุ