Page 89 - 1_61
P. 89
ค�าตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้งโจทย์แบบง่ายๆ เช่น
ปั้นจั่นมีกี่ชนิด
ผลปรากฏว่า ได้ศูนย์กันทั้งห้อง
เพราะเป็นค�าตอบที่ไม่ได้แสดงความคิดที่ลึกซึ้ง สมกับ
ที่เรียนมาทั้งเทอม
เหตุผลที่ ดร.วรภัทร ออกข้อสอบด้วยการให้นิสิต
ออกข้อสอบเอง
เป็นเหตุผลที่ตรงกับใจผมมาก
“ชีวิตคนเรา จะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้
ต้องหาโจทย์มาเอง คิดแล้วท�า ถ้าผิดแล้วอาจารย์จะปรับให้”
เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา รอคนคาบทุกอย่าง
มาป้อนให้ เขาจะเริ่มต้นแสวงหา “ความรู้”
ไม่รู้จักคิดเอง แต่ถ้าเด็กยังเชื่อมั่นว่าตนเองมี “ความรู้”
“ถ้ารอ และตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง แต่พวกคุณ เขาก็จะไม่แสวงหา “ความรู้”
แย่กว่าเพราะเป็นแค่ลูกอีแร้ง คือรออาหารที่คนอื่นป้อนให้” การตั้งค�าถามของโสเครติสจึงมีเป้าหมายโจมตี และ
โหย ... เจ็บ ท�าลายความเชื่อมั่นในภูมิความรู้ของนักเรียน
ผมเชื่อมานานแล้วว่าชีวิตของคนเราเป็นข้อสอบ เป็นกลยุทธ์เท “น�้า” ให้หมดจากแก้ว
อัตนัย ที่ต้องตั้งโจทย์เองและตอบเอง เมื่อแก้วไม่มีน�้าแล้ว จึงเริ่มให้เขาเท “น�้า” ใหม่ใส่แก้ว
ไม่ใช่ข้อสอบปรนัยที่มีคนตั้งโจทย์และมีค�าตอบเป็น ด้วยมือของเขาเอง
ทางเลือก ก-ข-ค-ง “น�้า” ที่ลูกศิษย์แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเอง มา
ถ้าใครที่คุ้นกับ “ชีวิตปรนัย” ที่มีคนตั้งโจทย์ให้ จาก" ค�าตอบ " ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง
และเสนอทางเลือก ๑-๒-๓-๔ “ค�าตอบ” จาก “ค�าถาม” ของโสเครติส
คนคนนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้า โสเครติสนิยามความหมายของค�าว่า “คนฉลาด”
เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา และ “คนโง่” ได้อย่างน่าสนใจ
ติดกับ “กรอบ” ที่คนอื่นสร้างให้ “คนฉลาด” ในมุมมองของโสเครติสนั้น ไม่ใช่คนที่รู้
ไม่เหมือนกับคนที่รู้จักคิดและตั้งค�าถามเอง ทุกเรื่อง
เรื่องการตั้งค�าถามกับชีวิตเป็นเรื่องส�าคัญมาก แต่ “คนฉลาด” คือ คนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้
อย่าลืมว่าเพราะมี “ค�าถาม” จึงมี “ค�าตอบ” ส่วน “คนโง่” นั้น คือ คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้
เมื่อมี “ค�าตอบ” เราจึงเลือกเดิน แต่ท�าตัวราวกับเป็นผู้รู้
ไม่น่าเชื่อว่า ก่อนหน้านี้ผมยังมีความภาคภูมิใจใน
พูดถึงเรื่องการตั้งค�าถาม ผมนึกถึงโสเครติส “ความรู้” ของตนเอง
เขาเป็นนักปรัชญาเอกของโลก ที่สอนลูกศิษย์ด้วย แต่พออ่านถึงบรรทัดนี้
การสนทนา ท�าไมผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย .....
ตั้งค�าถามให้ลูกศิษย์ตอบ ..แฮ่ม
สร้างองค์ความรู้จาก “ค�าถาม”
กลยุทธ์ของโสเครติสในการสอน คือ ไม่ให้ความเห็น ชื่อเรื่องไม่ใช่ “คนโง่ vs คนฉลาด”
ใดๆ แก่นักเรียน
และท�าลายความมั่นใจของนักเรียนที่เชื่อว่าตนเองรู้ แต่เป็น “ไร้กรอบ” ครับ
โสเครติสเชื่อว่า เมื่อเด็กตระหนักใน “ความไม่รู้” และเรื่องเต็มจะยาวกว่านี้
ของตนเอง
ที่มา : หนุ่มเมืองจันท์
วารสาร 87
ทหารพัฒนา