Page 57 - Magazine ทหารพัฒนา
P. 57

ประวัติในชีวิตรับราชการทหาร

              เมื่อย้อนไปเมื่อเดือน เมษายน พ.ศ.๒๕๔๓ กระผมได้
            จบการศึกษาจากโรงเรียนช่างฝีมือทหารและได้บรรจุใน

            ต�าแหน่ง จนท.สื่อสาร หน่วยบริการและสนับสนุน นพค.๔๒
            สนภ.๔ นทพ. อ.เบตง จ.ยะลา (อัตรา ส.อ.) ซึ่งในขณะนั้นมี
            พ.อ.วิธาน ขอบคุณ (ยศในขณะนั้น)ต�าแหน่ง ผบ.นพค.๔๒

            สนภ.๔ นทพ. เป็นผู้บังคับบัญชาท่านแรกของกระผมในชีวิต  “ดีใจที่ทหารของพระราชามาเยี่ยม และมาช่วยชาวบ้าน”
            รับราชการทหาร ท่านได้มีความเมตาต่อนายสิบใหม่ ท่านเป็น  ค�าๆ นั้นคือค�าที่จุดประกายและท�าให้ผมเริ่มเข้าใจว่าเราเป็น

            ทั้งครู และเปรียบเสมือน พ่อคนที่สองของกระผม โดยกระผม  อะไร และต้องท�าอะไร เพราะก่อนหน้านี้ยังสับสนในตัวตน
            ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามต�าแหน่งที่เข้ารับการบรรจุคือเจ้าหน้า  ว่าจะท�าไปเพื่ออะไร แต่พอได้ยินแบบนี้เกิดความภาคภูมิใจ
            สื่อสารอยู่ประมาณ ๖ เดือนหลังจากนั้นได้มาปฏิบัติหน้าที่  ในการเป็นนักรบสีน�้าเงิน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ภาพที่

            ในต�าแหน่ง เจ้าหน้าที่กิจการพลเรือน โดยได้มีโอกาสออก  คุณตาแก่ๆชาวไทยมุสลิม พูดภาษาไทยค�าสลับกับภาษา
            ช่วยเหลือ และพบปะกับพี่น้องประชาชนทุกอ�าเภอใน      มาลายูค�า ยังจ�าจนถึงวันนี้ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ หน่วย

            จว.ยะลา ที่หน่วยออกชุดพัฒนาการเคลื่อนที่ หรือชุด ชพค.  ได้ย้ายจากที่ตั้งเดิมมาอยู่ที่ บ.ลีตอ ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา
            ในสมัยนั้น มีเหตุการณ์อยู่หนึ่งครั้งที่ผมไม่เคยลืม เมื่อปี พ.ศ.  ผมได้รับภารกิจเพิ่มขึ้นหลายอย่าง โดยที่ส�าคัญได้รับหน้าที่
            ๒๕๔๕ ใน ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จว.ยะลา หน่วยฯ จัด  เป็นหัวหน้าชุดนักจัดรายการวิทยุของหน่วย ซึ่งในขณะนั้น

            ชุด ชพค.ออกช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว ผมได้พบ  หน่วยมีสถานีวิทยุและออกอากาศทุกวัน  ซึ่งผมก็มีโอกาส
            กับคุณตาแก่ๆ ท่านหนึ่ง พูดภาษาไทยค�าสลับกับภาษา    ได้ท�าและท�าให้มีประชาชนรับฟังรายการของหน่วยเป็น

            มาลายูค�า ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่พอจับใจความได้ว่า  จ�านวนมาก ถึงแม้หน่วยจะย้ายที่ตั้งมาอยู่ในที่ใหม่แล้วก็ตาม
                                                               แต่ภารกิจหน้าที่ที่ผมจะต้องออกพบปะประชาชนในพื้นที่ยัง
                                                               เหมือนเดิม แต่ในคราวนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนเพราะว่ามันเกิด

                                                               ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ท�าให้ท�างานล�าบากขึ้น ต้องจับ
                                                               อาวุธเพื่อป้องกันตนเอง และอีกอย่างที่ส�าคัญหนึ่งที่ท�าให้

                                                               ผมคิดว่าอาจจะได้รับอันตรายจากผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่
                                                               คือราษฎรในพื้นที่เริ่มรู้จักผมเนื่องจากถูกเชิญไปเป็นพิธีกร
                                                               ตามงานทั้ง ระดับ ต�าบล อ�าเภอ และจังหวัด ตามล�าดับ

                                                               เพราะเราท�าในที่สว่างแต่คนคิดร้ายท�าในที่มืดเรามองไม่เห็น
                                                               เขา แต่เขามองเห็นเรา นั้นคือสิ่งที่คิดในขณะนั้น แต่ผมก็

                                                               คิดเสมอว่าหากเราท�าดี คิดดี ก็จะปลอดภัย ผมเชื่ออย่างนั้น



                                                                                                  วารสาร 55
                                                                                              ทหารพัฒนา
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62