Page 116 - วารสาร ฉบับที่ ๔
P. 116
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอานิสงส์ของเมตตาไว้ว่า
“เมื่อหมั่นเจริญเมตตาบ่อย ๆ ท�าให้มากเข้าไว้ ท�าอย่างสม�่าเสมอ
เมตตาก็จะเกิดมีใจจิต เมื่อจิตมีเมตตาแล้วย่อมได้รับอานิสงส์
หรือผลตอบแทนถึง ๑๑ ประการคือ
๑. หลับเป็นสุข
๒. ตื่นเป็นสุข
๓. ไม่ฝันร้าย
๔. เป็นที่รักของเพื่อนมนุษย์
๕. เป็นที่รักของเหล่าอมนุษย์
๖. เทวดารักษาคุ้มครอง
๗. ไฟ ยาพิษ หรือศาสตราวุธทุกชนิดไม่อาจท�าร้ายได้
๘. จิตเป็นสมาธิเร็ว
๙. ผิวหน้าผ่องใส
๑๐. เวลาจะสิ้นใจมีสติไม่หลงเพ้อ
๑๑. หากยังไม่บรรลุมรรคผลก็ยังได้บังเกิดในพรหมโลก”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเจริญในเมตตาธรรมจึงมี
พระคุณถึง ๓ ประการคือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ
และพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์ทรงใช้เมตตาเป็นพระดุจ
น�้าเย็นชโลมจิตของพระยาช้างนาฬาคิรีที่ก�าลังตกมัน มุ่งเข้ามา
เพื่อท�าร้ายให้สยบลงได้ทันที นี่เป็นเพราะอ�านาจของเมตตา
มฆะมาณพพร้อมด้วยสหาย ๓๓ คน มีจิตเมตตา
กว้างใหญ่ไพศาลบ�าเพ็ญประโยชน์โดยไม่ได้มุ่งหวังสิ่งตอบแทน
ปลูกต้นไม้ให้เกิดร่มเงา สร้างถนน สร้างสะพาน สร้างศาลาให้
คนเดินทางได้พักผ่อน ให้ข้าวน�้า ช่วยเผาศพไม่มีญาติ เป็นต้น
ท�าทุกอย่างให้เป็นสาธารณประโยชน์ ดั่งจิตอาสาพระราชทาน
ในปัจจุบัน ด้วยจิตอิ่มเอิบด้วยเมตตาธรรม ไม่ใส่ใจค�ากระทบ
กระทั่งให้เจ็บใจ ไม่ผูกใจโกรธแม้เมื่อถูกใส่ความถูกจับฆ่าโดย
ให้ช้างเหยียบ อาศัยเมตตาธรรมที่หนักแน่นมั่นคงแผ่ไปยังช้าง
พอจิตของช้างได้สัมผัสกระแสจิตที่ชุ่มฉ�่าด้วยความรักเมตตา
ของพวกเขา ก็ไม่อาจท�าร้ายได้ ภายหลังเมื่อมฆะมาณพหมด
อายุขัยสิ้นชีพแล้ว ได้ไปบังเกิดเป็นท้าวสักกะเทวราชจอมเทพ
บนสวรรค์ ส่วนสหายบังเกิดเป็นเทวดาซึ่งทั้งหมดอยู่ชั้นดาวดึงส์
นี่เป็นผลตอบแทนของผู้มีจิตเมตตา
116 วารสาร
116
วารสาร
ทหารพัฒนาัฒนา
ทหารพ