Page 117 - วารสาร ฉบับที่ ๔
P. 117
การแผ่เมตตามี ๒ วิธี คือ แผ่เจาะจง และแผ่โดยไม่
เจาะจง เมตตาเป็นอารมณ์แห่งกรรมฐาน ผู้เจริญเมตตาพึง
ฝึกโดยเจาะจงก่อน ตั้งต้นจากคนที่รักใคร่สนิทสนม เช่น
บิดา มารดา สามี ภรรยา บุตร ธิดา ครูอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา
ท่านผู้มีพระคุณ เป็นต้น หรือคนที่รู้จักคุ้นเคย เมื่อแผ่เจาะจง
ได้ช�านาญแล้ว ต่อไปฝึกแผ่แบบไม่เจาะจง คือไม่ก�าหนดว่า
คนที่รู้จักชื่อนั้นชื่อนี้ แต่แผ่มุ่งเอาคนร่วมชาติบ้านเมือง
ตลอดถึงร่วมโลกรวมถึงสัตว์เดรัจฉานทุกประเภทด้วย
การแผ่โดยเจาะจง เมตตาไม่เข้มแข็งพอได้ผลเฉพาะ
ขอบเขต ส่วนการแผ่แบบไม่เจาะจงนั้นไม่จ�ากัดขอบเขตแผ่
เริ่มต้นจากใกล้ไปสู่ไกลคือจากตัวเราเองแล้วขยายออกไป
ไม่มีที่สิ้นสุดเป็นเมตตาที่เข้มแข็งและมีอานุภาพมาก
การแผ่เมตตามีบทส�าหรับนึกบริกรรมว่า “สัพเพ สัตตา
สุขิตา โหนตุ นิททุกขา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี
อัตตานัง ปะริหะรันตุ ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมี
ความสุขปราศจากทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความคับ
แค้นใจ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์
ภัยทั้งสิ้นเถิด”
เมตตา ความปรารถนาดีอยากให้ผู้อื่นมีความสุข
ผู้ที่ต้องการมีมากขึ้นจึงควรหมั่นเจริญท�าบ่อย ๆ ท�าให้
ช�านาญคล่องแคล่ว เมตตาก็จะมั่นคงในจิตใจท�าให้บังเกิด
ผลานิสงส์ถึง ๑๑ ประการดังที่กล่าวแล้ว ในปัจจุบันที่สังคม
ก�าลังสับสนควรที่ทุก ๆ คน จะพึงปฏิบัติหน้าที่ทุกประการ
โดยใช้เมตตาธรรมเป็นหลักน�าหน้า ความสับสนวุ่นวายก็
จะทุเลาเบาบางจนหมดไปคงไว้แต่ความสงบร่มเย็นเป็นสุข
โดยทั่วหน้า
วารสาร 117117
วารสาร
ทหารพ
ทหารพัฒนาัฒนา