Page 63 - วารสาร ฉบับที่ ๔
P. 63

พระราชประวัติ


                    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ พระบรมราชสมภพ
            เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๔ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนาง
            เจ้าฟ้าร�าเพยภมราภิรมย์ (สมเด็จพระเทพศิรินทราพระบรมราชินี) เมื่อพระชนมายุได้ ๙ พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น

            “กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรสังกาศ” ต่อมาเมื่อพระชนมายุได้ ๑๓ พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น “กรมขุนพินิตประชานาถ”
            จากนั้นได้ขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ และบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑
            ทรงพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”

                    เนื่องจากขณะนั้นมีพระชันษาเพียง ๑๖ ปี ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
            จึงเป็นผู้ส�าเร็จราชการแผ่นดิน และสถาปนากรมหมื่นบวรวิชัยชาญ พระโอรสองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า

            เจ้าอยู่หัว เป็นกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญพระมหาอุปราช
                    ระหว่างที่สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เป็นผู้ส�าเร็จราชการอยู่นั้น สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง
            ใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนศิลปวิทยาเป็นอันมาก เช่น โบราณราชประเพณี รัฐประศาสน์ โบราณคดี ภาษาบาลี ภาษาอังกฤษ

            วิชาปืนไฟ วิชามวยปล�้า วิชากระบี่กระบอง และวิชาวิศวกรรม
                    ในตอนนี้ยังได้เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวา ๒ ครั้ง เสด็จประพาสอินเดีย ๑ ครั้ง การเสด็จประพาสนี้มิใช่เพื่อ

            ส�าราญพระราชหฤทัย แต่เพื่อทอดพระเนตรแบบแผนการปกครองที่ชาวยุโรปน�ามาใช้ปกครองเมืองขึ้นของตน เพื่อจะได้
            น�ามาแก้ไขการปกครองของไทยให้เหมาะสมแก่สมัยยิ่งขึ้น ตลอดจนการแต่งตัว การตัดผม การเข้าเฝ้าฯ ในพระราชฐานก็
            ใช้ยืน และนั่งตามโอกาสสมควร ไม่จ�าเป็นต้องหมอบคลานเหมือนแต่ก่อน

                    เมื่อพระชนมพรรษาบรรลุพระราชนิติภาวะ ได้ผนวชเป็นเวลา ๒ สัปดาห์ แล้วจึงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
            เป็นครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ และนับจากนั้นมาก็ทรงมีพระราชอ�านาจเด็ดขาดในการบริหารราชการ
            แผ่นดิน

                    ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ทรงปกครองท�านุบ�ารุงพระราชอาณาจักรให้มั่งคั่งสมบูรณ์ ดัวยรัฐสมบัติ
            พิทักษ์พสกนิกรให้อยู่เย็นเป็นสุข บ�าบัดภัยอันตรายทั้งภายในภายนอกประเทศ ทรงบ�าเพ็ญพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อันก่อ
            ให้เกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ และสามารถธ�ารงเอกราชไว้ตราบจนทุกวันนี้

                    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ รวมพระชนมพรรษา
            ๕๘ พรรษา ครองราชสมบัติมานานถึง ๔๒ ปี




                                                                                                  วารสาร 63
                                                                                              ทหารพัฒนา
   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68