Page 41 - 3_61
P. 41
หลังกลับกรุงศรีอยุธยา ปานถูกกดดันให้เข้ากลุ่ม ทรงกริ้วเป็นอันมาก จึงหาเหตุให้ต้องพระราชอาญา
ต่อต้านฝรั่งเศสของพระเพทราชา ซึ่งประกอบด้วยขุนนาง เมื่อ พ.ศ.๒๒๔๓ ภรรยา ตลอดจนทรัพย์สมบัติของท่าน
ที่ไม่พอใจฝรั่งเศสที่มีอ�านาจมากในกรุงศรีอยุธยา การยึด ก็ถูกริบหมด และมีโทษโบยด้วยเชือกจนสลบ
อ�านาจที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา ส่งผลให้สมเด็จพระนารายณ์ เล่ากันว่าหลังนั้นไม่มีเนื้อดี จนมีการกล่าวกันว่า
พ้นจากราชบัลลังก์และขับไล่ทหารฝรั่งเศสซึ่งปานได้รับการ เจ้าพระยาโกษาปานนั้นมีความเกรงกลัวพระราชอาญา
ส่งให้ไปเจรจาด้วย จากนั้นปานจึงได้เป็นเจ้าพระยาพระคลัง เสียจนไม่กล้าที่จะกราบทูลเรื่องส�าคัญ ๆ จนในที่สุด
เองเงิลแบร์ท เคมพ์เฟอร์ นักธรรมชาติวิทยาชาว ถึงแก่อสัญกรรม ด้วยความโทมนัสที่ถูกพระราชอาญาและ
เยอรมัน พบกับปานใน ค.ศ.๑๖๙๐ และเขียนบรรยายไว้ว่า ต้องโทษโบยอยู่เสมอ
ปานมีภาพของราชวงศ์ฝรั่งเศสกับแผนที่ยุโรปแขวนอยู่ใน ส่วนครอบครัวของท่านก็ได้แตกฉานซ่านเซ็นไปอยู่
ห้องโถงบ้าน คนละทิศละทาง เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งสุดท้าย
ใน ค.ศ. ๑๖๙๙ กี ตาชาร์ บาทหลวงเยซูอิต เข้าพบ คุณทองดีซึ่งเป็นหลานปู่ของเจ้าพระยาโกษาปานได้อพยพ
ปานและพระเพทราชา แต่การพบกันเป็นแต่ทางพิธีการ ไปอยู่กับเจ้าพระยาพิษณุโลก (เรือง)
ไม่น�าไปสู่ผลลัพธ์ใด ๆ ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบ ได้มาตั้งนิวาสสถานอยู่ ณ
เมื่อเปลี่ยนแผ่นดินเป็นสมเด็จพระเพทราชานั้น ต�าบลสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี ท่านผู้นี้ปรากฏว่าเป็นบิดา
พระยาโกษาปานนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี ของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์
แต่ด้วยเหตุที่เป็นคนซื่อสัตย์ต่อสมเด็จพระนารายณ์ฯ ในราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าสมเด็จพระเพทราชากระท�าการไม่สมควร ออกญาโกษาปาน ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
กรณีแต่งตั้งทั้งพระมเหสีและพระขนิษฐาของสมเด็จ ในเรื่องความสามารถท�าให้ไทยเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ
พระนารายณ์เป็นพระมเหสี จึงท�าให้สมเด็จพระเพทราชานั้น และจากบุคลิกของท่านที่เฉลียวฉลาด มีมารยาทเรียบร้อย
วารสาร 39
ทหารพัฒนา