Page 44 - 3_61
P. 44
๑. เล่นซ่อนหา หรือ โป้งแปะ จากนั้น “ผู้หา” จะหาไปเรื่อย ๆ จนครบ ผู้ที่ถูกหาพบ
“เล่นซ่อนหา” หรือ “โป้งแปะ” เป็นหนึ่งในการละเล่น คนแรกจะต้องมาเปลี่ยนมาเป็น “ผู้หา” แทน แต่หาก
พื้นบ้านที่มีมาช้านาน และยังได้รับความนิยมอยู่ทุกยุค ใครซ่อนเก่ง “ผู้หา” หาอย่างไรก็ไม่เจอสักที “ผู้ซ่อน” คน
ทุกสมัย เพราะกติกาง่าย แถมสนุก และต้องมีการก�าหนด ที่ยังไม่ถูกพบสามารถเข้ามาแตะตัว “ผู้หา” พร้อมกับร้อง
อาณาเขตเพื่อไม่ให้กว้างจนเกินไป จนถึงวันนี้ก็ยังมีเด็ก ๆ ว่า “แปะ” เพื่อให้ “ผู้หา” เป็นต่ออีกรอบหนึ่งได้
จับกลุ่มกันเล่นซ่อนหาให้เห็นกันอยู่ “ประโยชน์จากการเล่นซ่อนหา ก็คือ ฝึกให้เป็น
โดยกติกา ก็คือ คนที่เป็น “ผู้หา” ต้องปิดตา และ คนช่างสังเกต สามารถจับทิศทางของเสียงได้ รวมทั้ง
ให้เพื่อน ๆ ไปหลบหาที่ซ่อน โดยอาจจะนับเลขก็ได้ ส่วน รู้จักประเมินสถานที่ซ่อนตัว จึงฝึกความรอบคอบได้อีกทาง
“ผู้ซ่อน” ในสมัยก่อนจะต้องร้องว่า “ปิดตาไม่มิด สาระพิษ นอกจากนี้ยังท�าให้ผู้เล่นสนุกสนาน อารมณ์แจ่มใส
เข้าตา พ่อแม่ท�านาได้ข้าวเม็ดเดียว” แล้วแยกย้ายกันไปซ่อน เบิกบานไปด้วย”
เมื่อ “ผู้หา” คาดคะเนว่าทุกคนซ่อนตัวหมดแล้ว ๒. รีรีข้าวสาร
จะร้องถามว่า “เอาหรือยัง” ซึ่งเมื่อ “ผู้ซ่อน” ตอบว่า เชื่อเลยว่า ชีวิตในวัยเด็กของคนส่วนใหญ่ผ่าน
“เอาละ” “ผู้หา” ก็จะเปิดตาและหาเพื่อน ๆ ตาม การละเล่น “รีรีข้าวสาร” มาแล้ว และยังร้องบทร้องคุ้นหูที่ว่า
จุดต่าง ๆ เมื่อหาพบจะพูดว่า “โป้ง...(ตามด้วยชื่อผู้ที่พบ)” “รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เด็กน้อยตาเหลือก
ซึ่งสามารถ “โป้ง” คนที่เห็นในระยะไกลได้
เลือกท้องใบลาน คดข้าวใส่จาน คอยพานคนข้างหลังไว้”
ได้ด้วย
42 วารสาร
ทหารพัฒนา