Page 48 - 3_60
P. 48

แขกบ้านเมือง งานประเพณีของชาวภูไทยส่วนใหญ่แล้วจะ ชายเสื้อคาดเข็มขัดเงิน เป็นชุดที่ใช้ในงานมงคลต่างๆ นับเป็น
           คล้ายๆ กัน ในส่วนของชาวภูไทวาริชภูมิ คือ พิธีบวงสรวงเจ้าปู่  เครื่องแต่งกายที่งดงามที่สุดของชาวเผ่ากะเลิงวัยหนุ่มสาว
           มเหสักข์ ในวันที่ ๖ เมษายน ของทุกปี                ส่วนกะเลิงสูงอายุ มักนุ่งซิ่นลายด�า ขาว แดง สวมเสื้อแขนกระบอก
                                                              ย้อมคราม ที่สาบเสื้อมีเหรียญสตางค์แดงติดเป็นแนวกระดุม
           ๓. เผ่าไทยกะเลิง                                   เกล้าผมสูง

                    กะเลิงเป็นชาวกลุ่มน้อยที่เป็นชาติพันธุ์ทางภาษา

           กลุ่มหนึ่ง   เช่นเดียวกับชนกลุ่มญ้อ  โส้  แสก  ผู้ไทและ  ๔. เผ่าไทแสก
           เวียดนาม ซึ่งมีอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครพนม กะเลิงมีถิ่นฐานเดิม  แสก หมายความว่า แจ้ง สว่าง เป็นชนชาติหนึ่ง
           อยู่ทางฝั่งซ้ายแม่น�้าโขง ชนกลุ่มกะเลิงได้อพยพมาตั้งแหล่ง  ในตระกูลมอญ-เขมร ชาวไทแสกเป็นชนกลุ่มน้อย ตั้งถิ่นฐาน
           อยู่ในประเทศไทยเมื่อประมาณ ๑๐๐ ปีเศษ ตั้งแต่มีการปราบ  อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในท้องที่
           เจ้าอนุวงศ์ในรัชกาลที่ ๓ และมีการอพยพครั้งใหญ่ ในสมัย  จังหวัดนครพนมและจังหวัดมุกดาหาร ชาวไทแสกเป็นกลุ่ม
           รัชกาลที่ ๕ เมื่อเกิดศึกกบฏฮ่อในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ปัจจุบันมี  ชาติพันธุ์ที่เป็นชาติพันธุ์เดิม มีภูมิล�าเนาอาศัยอยู่ในตอนกลาง
           ชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเลิงในประเทศไทยที่จังหวัดนครพนม  ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อาศัยอยู่ในแถบเมืองรอง
           สกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร                          เมืองเว้  ต่อมาชาวเวียดนามพยายามเข้าครอบครองและ
                    ประเพณีการแต่งกายของชาวกะเลิง แต่งกายด้วย  รุกรานชาวไทแสกตลอดมา จนท�าให้ชาวไทแสกตกอยู่ภายใต้

           เสื้อผ้าย้อมครามทอมือ เย็บด้วยมือ ชาวกะเลิงมีวัฒนธรรม  การปกครองของเวียดนาม มีชาวไทแสกบางกลุ่มไม่พอใจอยู่
           การแต่งกาย ดังนี้                                  ภายใต้การปกครองของเวียดนาม ได้อพยพมาทางตอนใต้
                    ผ้าซิ่น ใช้ด้าย ๒ เส้นมาท�าเกลียวควบกัน ใช้ทั้ง  มาทางตอนกลางของประเทศ มาตั้งภูมิล�าเนาอยู่ใกล้เมืองท่าแขก
           ผ้าฝ้ายธรรมดาและผ้าไหม เป็นผ้าตีนเต๊าะ แต่มีเชิงแถบเล็กๆ  (อยู่ตรงข้ามกับจังหวัดนครพนม ประเทศไทย) มาอยู่ที่บ้านหม้อ
           แคบ ๒ นิ้ว นิยมสีเปลือกอ้อย เข็นด้วยด้ายสีแดง เหลืองเป็น เตลิง บ้านทอก ท่าแค บ้านโพธิ์ค�้า
           สายเล็กๆ นอกจากนี้ยังนิยมใช้ผ้าฝ้ายเข็น ๒ เส้นควบกัน เช่น   ชาวไทแสกที่อพยพจากเมืองแสก อพยพมาตั้งอยู่
           แดงควบเหลือง น�้าเงินควบขาว เขียวควบเหลือง ถ้าไม่ใช่เป็น  ที่บ้านโคกยาว (ปัจจุบันคือบ้านไผ่ล้อม ต�าบลอาจสามารถ

           ผ้าตีนเต๊าะมักนุ่งสั้น                             อ�าเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม) สมัยก่อนมีอาณาเขต
                    เสื้อ กะเลิงนิยมแต่งตัวกะทัดรัด เช่น ถ้านุ่งซิ่น  อยู่ใกล้เคียงกับบ้านนาลาดควาย (ปัจจุบันบ้านนาราชควาย)
           ผ้าฝ้ายสั้น มักใช้ผ้าทอพื้นบ้าน เป็นตาสี่เหลี่ยมเล็กๆ คาดอก โพกผ้า  จ�านวนชาวไทแสกที่ย้ายมาในขณะนั้นมีจ�านวน ๑,๑๗๐ คน
           บนศีรษะ สะพายกะหยัง ขึ้นภูเก็บผักเก็บหญ้า ส่วนกะเลิงที่  ต่อมาชาวไทแสกได้ย้ายถิ่นฐานจากบ้านโคกยาวมาอยู่ที่บ้าน
           นุ่งซิ่นยาวคลุมเข่ามักสวมเครื่องประดับ เช่น สร้อยข้อมือท�าด้วย  “ป่าหายโศก” (ปัจจุบันคือบ้านอาจสามารถ) พระสุนทร
                                  รัตนชาติ หรือดินเผา ใส่ต่างหู  ราชวงศา (ฝ้าย) ได้พิจารณาเห็นว่า ชาวไทแสก มีความสามารถ
                                       เป็นห่วงกลม เสื้อแขนยาว  มีความสามัคคี มีความเข้มแข็ง สามารถปกครองตนเองได้ จึง
                                           สีขาวเหลืองเก็บ  ยกฐานะชาวไทแสกที่อยู่ที่ “ป่าหายโศก” ให้เป็นกองอาทมาต
                                                              คอยลาดตระเวนชายแดน






                                                                                          เผ่าไทแสก


















       46    วารสาร              เผ่าไทยกะเลิง
           ทหารพัฒนา
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53