Page 92 - 3_61
P. 92
ธรรมะ
DHAMMA
เปรียญภูธร
ประโยชน์ที่พึงได้รับในวัน
อาสาฬหบูชา
นขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๘ นับเป็นวันที่ส�าคัญ แก่ผู้มีพื้นฐานภูมิปัญญาดีที่รู้แจ้งค�าสอนได้อย่างรวดเร็ว
ในประวัติศาสตร์แห่งพระพุทธศาสนา คือ และสามารถน�าไปชี้แจงอธิบายให้ผู้อื่นเข้ามาได้อย่าง
วัวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนา กว้างขวาง จึงมุ่งไปพบนักบวช ๕ รูป หรือเบญจวัคคีย์ และ
หรือหลักธรรมที่ทรงตรัสรู้เป็นครั้งแรกแก่เบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ได้แสดงธรรมเทศนาเป็นครั้งแรกในวันเพ็ญ เดือน ๘
ณ มฤคทายวัน ต�าบลอิสิปตนะ เมืองพาราณสี ในชมพูทวีป
สมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย ด้วย ใจความส�าคัญของปฐมเทศนา
พระพุทธองค์ทรงเปรียบดังผู้ทรงเป็นธรรมราชา ก็ทรง ในการแสดงปฐมเทศนาครั้งแรกของพระพุทธเจ้า
บันลือธรรมเภรี (กลองแห่งธรรม) ยังธรรมจักร คือวงล้อ ทรงแสดงหลักธรรมส�าคัญ ๒ ประการ คือ
แห่งธรรมให้หมุนรุดหน้า เริ่มต้นแผ่ขยายอาณาจักรแห่งธรรม ก. มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติ
น�าความร่มเย็นและความสงบสุขมาให้แก่หมู่ประชา ที่เป็นกลาง ๆ ถูกต้องและเหมาะสมที่จะให้บรรลุถึงจุดหมาย
ดังนั้น ธรรมเทศนาที่ทรงแสดงครั้งแรกจึงได้ชื่อว่า ได้ มิใช่การด�าเนินชีวิตที่เอียงสุด ๒ อย่าง หรืออย่างหนึ่ง
“ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” แปลว่า พระสูตรแห่งการหมุน อย่างใด คือ
วงล้อธรรม หรือพระสูตรแห่งการแผ่ขยายธรรมจักร กล่าวคือ ๑. การหมกมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส
ดินแดนแห่งธรรม เมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีมาแล้วนั้น ชมพูทวีป กลิ่น เสียง รวมความเรียกว่าเป็นการหลงเพลิดเพลินหมกมุ่น
ในสมัยโบราณก�าลังย่างเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความเจริญก้าวหน้า ในกามสุข หรือกามสุขัลลิกานุโยค
รุ่งเรืองเฟื่องฟูทุกด้าน และมีคนหลายประเภท ทั้งชนผู้มั่งคั่ง ๒. การสร้างความล�าบากแก่ตนด�าเนินชีวิตอย่าง
ร�่ารวย นักบวชที่พัฒนาความเชื่อและข้อปฏิบัติทางศาสนา เลื่อนลอย เช่น บ�าเพ็ญตบะการทรมานตน คอยพึ่งอ�านาจ
เพื่อให้ผู้ร�่ารวยได้ประกอบพิธีกรรมแก่ตนเต็มที่ ผู้เบื่อหน่าย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น
ชีวิตที่วนเวียนในอ�านาจและโภคสมบัติที่ออกบวช หรือ การด�าเนินชีวิตแบบที่ก่อความทุกข์ให้ตนเหนื่อย
บางพวกก็แสวงหาค�าตอบที่เป็นทางรอดหลุดพ้นด้วยการ แรงกาย แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค
คิดปรัชญาต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เหลือวิสัยและไม่อาจพิสูจน์ ดังนั้นเพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้
ได้บ้าง พระพุทธเจ้าจึงทรงอุบัติในสภาพเช่นนี้ และด�าเนินชีพ ทางสายกลาง ซึ่งเป็นการด�าเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลัก
เช่นนี้ด้วย แต่เมื่อทรงพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นขาด ปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ ๘ ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์
แก่นสาร ไม่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงแก่ตนเองและผู้อื่น หรือมรรคมีองค์ ๘ ได้แก่
จึงทรงคิดหาวิธีแก้ไขด้วยการทดลองต่าง ๆ โดยละทิ้ง ๑. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เข้าใจถูกต้อง เห็นตาม
ราชสมบัติและอิสริยยศแล้วออกผนวช บ�าเพ็ญตนนานถึง ๖ ปี ที่เป็นจริง
ก็ไม่อาจพบทางแก้ได้ ต่อมาจึงได้ทางค้นพบมัชฌิมาปฏิปทา ๒. สัมมาสังกัปปะ ด�าริชอบ คือ คิดสุจริต ตั้งใจท�า
หรือทางสายกลาง เมื่อทรงปฏิบัติตามมรรคานี้ก็ได้ค้นพบ สิ่งที่ดีงาม
สัจธรรมที่น�าคุณค่าแท้จริงมาสู่ชีวิต อันเรียกว่า “อริยสัจ ๔ ๓. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวค�าสุจริต
ประการ” ในวันเพ็ญ เดือน ๖ ก่อนพุทธศก ๔๔ ปี ที่เรียกว่า ๔. สัมมากัมมันตะ กระท�าชอบ คือ ท�าการที่สุจริต
การตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นทรงงานประกาศ ๕. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ คือ ประกอบสัมมาชีพ
ศาสนา โดยทรงด�าริหาทางที่ได้ผลดีและรวดเร็ว คือเริ่มสอน หรืออาชีพที่สุจริต
90 วารสาร
ทหารพัฒนา